วันพุธที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2552

วิชาการพัฒนาระบบฐานข้อมูล

ฐานข้อมูล SQL
คำว่า “ฐานข้อมูล” เป็นการจัดเก็บและการดึงข้อมูล มาใช้ให้เกิดประโยชน์กับองค์กร
บทเรียน ฐานข้อมูล หมายถึง ข้อมูลรวมถึงความสัมพันธ์ของข้อมูลที่จัดเก็บรวบรวมไว้เป็นกลุ่ม นอกจากนี้เพื่อให้เกิดระบบที่มีกลไกสนับสนุนให้ใช้ฐานข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลกับองค์กรอย่างเต็มที่ ระบบฐานข้อมูลต้องประกอบด้วยฐานข้อมูลและโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่มีหน้าที่ดูแลและบริหารจัดการฐานข้อมูลของระบบ ซึ่งเรียกว่า โปรแกรม “ระบบจัดการฐานข้อมูล” (Database Management System:DBMS)
ระบบฐานข้อมูล (Database System) - สามารถแบ่งตามคุณลักษณะของโมเดลของข้อมูลที่จัดเก็บใน
ระบบฐานข้อมูลที่เป็นที่รู้จักกัน ได้แก่ 1.โมเดลแบบลำดับชั้น (Hierarchical Model)
ลักษณะโมเดลนี้จะมีการจัดเก็บข้อมูลในโครงสร้างแบบทรี (Tree)
2. โมเดลแบบเครือข่าย (Network Model)จัดเก็บข้อมูลในโครงสร้างแบบกราฟ
3.โมเดลแบบเชิงสัมพันธ์ (Relation Model)
เป็นโมเดลที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย จัดเก็บข้อมูลในรูปแบบของเซ็ตของวิชาคณิตศาสตร์ เช่น (name, value), (tel, value)char(10) และ char(12) เป็นโดเมนแอตทริบิวต์ ตัวอย่าง 1-3 จัดเก็บข้อมูลเบอร์โทรศัพท์ของเพื่อน ชื่อและเบอร์โทรศัพท์ พิจารณาเซ็ตของความสัมพันธ์ สามารถแสดงการจัดเก็บข้อมูลเป็นเทเบิล
หรือตารางข้อมูลที่ประกอบด้วยแถว (rows หรือ tuples) และ คอลัมน์ (columns หรือ Attributes) โดยการตัดกันของแต่ละแถวกับแต่ละคอลัมน์ จะแทนด้วยค่าของข้อมูล (พูดถึงการเข้าถึงข้อมูล)
ฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ ฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ (Relational database) จะอยู่ในรูปของตาราง 2 มิติ คือ ประกอบด้วยแถว (Row) และ คอลัมน์ (Column) เปรียบเทียบฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์กับระบบการประมวลผลแบบแฟ้มข้อมูล DBMS ทำงานอยู่บนพื้นฐานของโมเดลข้อมูลเชิงสัมพันธ์เรียกว่า “ระบบจัดการฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์” (Relational Database Management System: RDBMS) โดยข้อมูลแต่ละ Table ในฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ เรียกว่า รีเลชั่น คือ ไฟล์ในระบบการประมวลผลข้อมูลแบบแฟ้มข้อมูล (File Processing System)
เปรียบเทียบฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์กับระบบการประมวลผลแบบแฟ้มข้อมูล เทเบิล หรือ รีเลชั่น Table Relation ฟล์ (File)
คอลัมน์ หรือ แอตทริบิวต์ Column Attribute
ฟิลด์ (Field) แถว หรือ ทูเปิล Row Tuple
เรคคอร์ด (Record)
ความสัมพันธ์ (Relationship) หัวใจสำคัญในการออกแบบเทเบิล (Table) ที่มีโครงสร้างเชิงสัมพันธ์ เพื่อเก็บข้อมูลกลุ่มต่าง ๆ โดยจะต้องสามารถกำหนดความสัมพันธ์ระหว่าง กลุ่มข้อมูลเหล่านั้นได้ ต้องวิเคราะห์ให้ได้ว่าข้อมูลเหล่านั้นมีความสัมพันธ์ กันอย่างไร ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างเทเบิลมีทั้งหมด 3 ลักษณะ คือ
แบบ 1:1 (One-to-One)
แบบ 1:N (One-to-Many)
แบบ M:N (Many-to-Many)
แบบ 1:1 (One-to-One) -แถว 1 แถวใน Table ใด ๆ สามารถจับคู่กับแถวในอีก Table หนึ่งได้ เพียงแถวเดียวเท่านั้น
แบบ 1:N (One-to-Many) -แถว 1 แถวใน Table ใด ๆ สามารถจับคู่กับแถวในอีก Table หนึ่งได้ หลายแถว
แบบ M:N (Many-to-Many) -แถวหลาย ๆ แถวใน Table หนึ่ง มีความสัมพันธ์กับอีกหลาย ๆ แถวในอีกTable หนึ่งพร้อมกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น